วันนี้มานั่งร้อนอยู่ที่ร้าน รู้ก็รู้ว่าไม่มีลูกค้าแน่ๆ เพราะเด็กๆพากันกลับบ้านกันไปหมด เงียบยังกับมหาวิทยาลัยผีสิงมาตั้งแต่เมื่อวาน แต่ที่ต้องมาเปิดร้านก็เพราะไม่รู้จะไปไหน อยู่บ้านก็ร้อนกว่า แถมไม่มีเน็ตใช้ ก็เลยหอบสังขารแก่ๆ มาเปิดร้านนั่งร้อนมันอยู่ตรงนี้
เจ้าเทอร์โมมิเตอร์จีนแดงอันยาวเท่าไม้บรรทัด ที่ซื้อมาในราคา 25 บาทจากหน้านิคมลาดกระบัง กำลังรายงานอุณหภูมิที่ 36 องศา รู้อยู่เต็มอกว่าเชื่อมันไม่ค่อยได้ แต่มันก็บอกได้ว่าตอนนี้ร้อนมากเหลือเกิน ร้อนจนขนาดเสื้อผ้าที่ตากไว้ ถ้ามันวิ่งเข้าร่มได้มันคงวิ่งเข้ามาเองเพราะทนร้อนไม่ไหว
ช่วงเทศกาลทุกเทศกาล เป็นอันรู้กันว่าผมไม่ไปไหนเด็ดขาด เบื่อที่ต้องไปเจอคนขับรถสันดานดีๆ บนท้องถนน มอเตอร์ไซค์ที่ขี่กันปานจะไปอุดหนุนร้านโลงศพของพ่อมัน รวมถึงอีและไอ้โง่ที่ถ้าไม่มีเงินซื้อใบขับขี่ป่านนี้คงยังขี่ควายอยู่กลางนาโน่น เวลาที่เคยเดินทางจากสองชั่วโมงก็กลายเป็นสี่ห้าชั่วโมง คิดแล้วถามตัวเองว่าทำไมจะต้องไปช่วงที่เขาไปกัน เราไม่ไปหนึ่งคัน ถนนก็ว่างไปอีกหนึ่งคัน เอาไว้ช่วงที่เขาไม่ไปเราค่อยไปก็ได้ ไม่ได้เดือดร้อนอะไร เพราะงานที่ทำมันก็งานเราเอง อยากหยุดวันอื่นก็หยุดไปได้
ก็เพราะไม่ไปไหนช่วงเทศกาลนี่แหละที่ทำให้ต้องมานั่งร้อนอยู่ร้านอย่างนี้ แต่ลองถามตัวเองเล่นๆ ไม่มานั่งร้อนอยู่ร้าน จะไปนั่งร้อนอยู่ที่ไหน ไปนั่งร้อนอยู่แถวเขื่อน แถวชายทะเล มันก็ร้อนเหมือนกัน เสียเงินด้วย ดูโง่ๆ ยังไงบอกไม่ถูก
แดดยิบๆที่เผาถนนจนมองเห็นกระไอขึ้นมามองเห็นแล้วรู้สึกแสบหนัง แต่ก็ยังน้อยกว่าอัตตาที่กำลังแผดเผาประเทศชาติจนแผ่นดินจะลุกเป็นไฟ รู้สึกแสบใจที่ต้องเห็นคนชาติเดียวกันโผเข้าเข่นฆ่ากัน เพียงเพราะกูเกลียดมัน หรือกูรักมัน
…ลืมกันไปหรือเปล่าว่าเรายังมีชาติไทยอยู่…