สัปดาห์นี้หยุด 3 วัน ตั้งแต่วันศุกร์ที่เป็นวันมาฆะบูชา ยาวมาเสาร์-อาทิตย์ ผมนั่งดูทวิตเตอร์มีรายงานว่ารถติดมาตั้งแต่เย็นวันพฤหัสแล้ว คนมากมายหนีออกจากกรุงเทพฯ ไปต่างจังหวัด ส่วนคนต่างจังหวัดเองบ้างก็หนีไปเที่ยวที่อื่น เพราะเบื่อหน่ายสภาพบ้านเมืองที่ไร้ขื่อไร้แป แย่งชิงอำนาจกันปานสุนัขแย่งอาจม
ผมยังคงไม่ได้ไปไหนเหมือนกับทุกเสาร์-อาทิตย์ ยังคงมาเปิดร้านเหมือนทุกวัน
สัปดาห์นี้เด็กๆไม่ค่อยได้กลับบ้าน ยังอยู่กันเต็มมหาลัย
แต่มันก็เหมือนวันอื่นๆหลายๆวัน ที่ไม่มีลูกค้าโผล่เข้ามาในร้านเลย
เงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง
ผมรู้ดีว่าลูกค้าไม่ได้หนีผมไปไหน ไม่ได้เปลี่ยนไปร้านอื่น
แต่ตอนนี้พวกเขาไม่มีเงิน เงินที่มีก็ต้องเก็บเอาไว้ใช้กิน ใช้อยู่ ให้มันรอดไปแต่ละเดือนให้ได้
คงเหมือนกับลูกสาวผม ที่ผมแทบไม่มีเงินส่งไปให้เลย เขาก็ต้องใช้ชีวิตอยู่ให้ได้
คนในบ้านในเมืองต่างได้รับผลกระทบกันไปหมด ยิ่งคนอย่างพวกผมที่ไม่มีเงินเดือน
มีรายได้จากงานที่ทำเท่านั้น หยุดหรือทำงานไม่ได้ก็ไม่ได้เงิน ยิ่งกระทบหนัก
คนบ้านนอกที่อยู่บ้านนอกอย่างผม ไม่รู้หรอกว่าในกรุงเทพฯ มันวุ่นวายอย่างไร
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เรื่องจริงๆ ที่ไม่ใช่เขาเล่าว่า เขาบอกว่า มันเป็นอย่างไร
และบอกตามตรงเลยว่า ไม่ได้สนใจว่าใครถูกใครผิด มากไปกว่าจะเกี่ยวข้าววันไหน จะฉีดยาผักวันไหน จะตัดขายได้โลละกี่บาท
และไม่สนใจที่จะรับฟังคำอธิบายอะไรจากใครทั้งนั้น
ผมเดินออกไปยืนหลังร้าน มองแสงแดดที่ลอดกิ่งใบตะขบลงมา แล้วได้แต่ถอนใจ
บ่ายวันอาทิตย์ที่เงียบสงัดเช่นนี้จะมีอีกกี่วัน
ผู้คนที่เดือดร้อนทั้งแผ่นดินนี้จะมีอีกกี่คน
รอยแยกที่ลึกเกินประสานของคนในบ้านเมืองจะแยกออกเมื่อไร
และที่สำคัญบ้านเมืองนี้จะเงียบอย่างนี้ได้อีกนานเท่าใด…