ระยะนี้ฝนตกทุกวัน มันก็เป็นเรื่องธรรมดาของหน้าฝน ที่ฝนจะต้องตก แต่ปีนี้ฝนตกแต่ละครั้ง ตกหนักจนน้ำท่วมนองไปหมด แรกๆ ก็ยังพอระบายไหว สักครึ่งชั่วโมงหรือหนึ่งชั่วโมงน้ำก็แห้งหมด พอนานเข้าเริ่มไม่มีที่จะให้น้ำไป เพราะมันเต็มไปหมดทุกที่แล้ว น้ำก็เริ่มขังนานขึ้นทุกที แล้วในที่สุด ก็จะกลายเป็นน้ำท่วม ที่หลายกลัวยังผวาไม่หายตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว
หลายคนที่พยายามบอกว่า ปีนี้ไม่เหมือนปีที่แล้ว ปีที่แล้วน้ำที่ท่วมเป็นน้ำเหนือ แต่ปีนี้ที่เราเริ่มเจอะเจอกันมันเป็นน้ำฝน ผมคงไม่เถียงเรื่องนิยามคำว่าน้ำท่วมกับผู้ทรงปัญญาทั้งหลาย แต่ที่ตาแก่คนนี้รู้ก็คือ เมื่อไรที่ที่มันควรจะแห้ง แต่มันดันมีน้ำ ใช้ชีวิตตามปกติไม่ได้ แถวบ้านท่านผู้ทรงปัญญาจะเรียกว่าอะไรก็ตามที แต่แถวบ้านตาแก่คนนี้เขาเรียกว่าน้ำท่วม
ตั้งแต่ผมจำความได้ ช่วงเดือนกันยายนถึงตุลาคมของทุกปี ฝนก็ตกหนักอย่างนี้ ตกมากจนบางปีโรงเรียนต้องประกาศหยุดเรียนเพราะน้ำท่วม บางปีหยุดยาวถึง 7 วันก็มี เป็นมาตั้งแต่ผมเรียนประถม จนถึงมหาวิทยาลัย เรื่องน้ำท่วมกับประเทศไทยไม่ใช่มันเพิ่งจะมี มันก็มีนานนมแล้ว แต่ไม่เข้าใจว่า ระยะไม่กี่ปีมานี้ คนไทยได้รับสารอะไรเข้าไป ถึงได้เลอะเลือน ลืมเรื่องราวที่เคยเป็นมากัน ฝนตกน้ำขังเต็มถนนสักชั่วโมงสองชั่วโมง ก็เกิดอาการโรคกลัวน้ำกำเริบ จะเป็นจะตายกันเสียให้ได้ ข่าวสาร นักวิชาการ ก็ออกมาพูดกันเสียปานประหนึ่ง ประเทศไทยจะโดนน้ำท่วมจมหายไปจากคาบสมุทรอินโดจีน พวกที่โดนท่วมก็มือตายตีนตาย ทำอะไรไม่ได้ นอนรอความช่วยเหลือ พวกไฮโซไฮซ้อทั้งหลายก็จัดกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงภัยพิบัติ เอาออฟโร้ด โฟร์วีล ไปโชว์ แล้วถ่ายรูปมาประกาศศักดากันในโซเชียลเน็ตเวิร์ค พวกที่ไม่ได้ไปโชว์ตัว ก็อาศัยโชว์วาทะบนโซเชียลแทน เอาให้เด็ดเพื่อหายอดไลค์ยอดรีไว้อวดกัน แต่ตัวมันไม่เคยช่วยอะไรใครสักอย่างเดียว
เรื่องปกติเราก็ทำกันจนมันไม่ปกติ เรื่องที่ต้องช่วยกัน ก็มองเห็นเป็นเรื่องเล่น เรื่องที่ต้องบอกกล่าวกัน ก็กลายเป็นเรื่องเอามาเสียดสี ทั้งที่วางอยู่บนความเดือดร้อนของผู้คน เรื่องที่พอจะช่วยตัวเองได้ ก็กลายเป็นพิการซ้ำซ้อน ทั้งกายทั้งสมอง นอนรอความช่วยเหลือ
ปีนี้ตาแก่คนนี้ก็กลัวน้ำท่วม เพราะถ้าท่วมแล้ว ไม่รู้จะสังเวชใจ หรืออนาถใจกับคนสมัยนี้ดี…