ตอนที่ผมนั่งเขียนเรื่องราวตอนนี้อยู่ ผมรู้สึกว่าผมกำลังจะป่วย
และทั้งๆที่วันนี้ผมยอมหยุดงาน ไม่ไปเปิดร้านเพื่อพักหนึ่งวัน สรุปแล้วมันก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย
และที่หนักสุดก็คือ อายุขนาดผมนี้ เวลาป่วยแต่ละครั้ง ต้องใช้เวลาฟื้นตัวมากกว่าคนหนุ่มสาว 3-5 เท่าเลยทีเดียว
นอกจากนั้น การที่ต้องกินยา มันก็จะบวกเข้ากับของเดิมที่ต้องกินประจำอยู่แล้ว รวมกันเบ็ดเสร็จ อิ่มแล้ว ไม่ต้องกินข้าวกันพอดี
คนแก่อย่างผมกับการป่วย มันก็หลีกกันไม่ค่อยจะพ้น
ผมสังเกตเอาเองโดยไม่มีผู้เชี่ยวชาญที่ไหนมายัน ได้ความว่า
ยิ่งแก่มากขึ้นเท่าไร ความถี่ในการป่วยมันก็เพิ่มตามไปเท่านั้น
ตอนหนุ่มๆ ปั่นจักรยานตากฝนอยู่ที่ทุ่งบางเขน กี่ฝนต่อกี่ฝนก็ไม่เคยเป็นไข้สักครั้ง
แต่ตอนแก่นี่ แค่ละอองฝนปลิวมาโดนกระหม่อมหน่อยนึง ก็ตั้งท่าจะป่วยสักห้าหกวันเสียแล้ว
เรื่องหยูกยาก็เป็นอีกเรื่องที่ยิ่งแก่ยิ่งเรื่องมากขึ้นทุกที
ตอนหนุ่มๆ ไม่สบาย กินยาอะไรก็หาย แอสไพริน พารา แม้แต่ทัมใจ หายมันได้หมด
แต่พอแก่แล้ว เริ่มเอาไม่อยู่ ทั้งแผนปัจจุบัน แผนไทย แผนโบราณ ยันยาผีบอก
กินเข้าไปก็เยี่ยวทิ้งเสียหมด รักษาอะไรไม่ค่อยจะได้ เพราะเซลล์มันอยู่มานาน มันดื้อด้านไปหมด
ยาตัวไหนก็ไม่รู้สึกรู้สาอะไร จนบางทีผมต้องใช้วิธี
มันอยากป่วยให้มันป่วยไป เดี๋ยวมันเบื่อมันก็หายเอง
หลายคนบอกผมให้ควบคุมอาหาร ให้ออกกำลังกาย ให้พักผ่อนให้พอ ให้…ฯลฯ
ผมก็ได้แต่บอกขอบคุณ แต่ถ้ามาเซ้าซี้ผมมากๆผมก็ด่ากลับไป
อะไรทำแล้วมันดี อยู่มาจนหงอกหมดหัวขนาดนี้ รู้แล้วครับ ไม่ต้องมาบอกก็รู้
ส่วนไอ้ทำได้ ทำไม่ได้มันอีกเรื่องนึง
เหมือนที่ผมสูบบุหรี่ ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าไม่ดี ไม่ต้องมาจ้ำจี้จ้ำไชบอกผมแล้ว บอกผมอีกหรอกครับ
บอกมาเป็นสิบๆปี ผมก็ไม่เลิก จนไม่มีใครบอก
วันดีคืนดี ผมเบื่อขึ้นมา ผมก็เลิกของผมเองแหละ นี่ก็เลิกมาหกเดือนเข้าไปแล้ว
เลิกแบบดื้อๆแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ใครก็มาอ้างความดีความชอบไม่ได้
อย่าเพิ่งงงนะครับ ว่าตกลงผมจะบ่นเรื่องป่วย หรือเรื่องเลิกบุหรี่
ผมแค่รู้สึกเหมือนจะป่วย แล้วก็คิดได้ว่า ไม่ได้บ่นให้แฟนๆผมฟังมานานแล้ว
แล้วถ้าป่วยไป คงจะลุกมาโขกแป้นพิมพ์ บ่นให้ฟังไม่ไหวแน่ๆ
เลยขอมาบ่นเสียหน่อยหนึ่งก่อน
เห็นใจคนแก่เถอะครับ ช่วงนี้บ้านเราเมืองเรา บ่นเรื่องอื่นไม่ค่อยได้นะครับ
เลยต้องมาบ่นเรื่องสังขารตัวเองอย่างนี้ ปลอดภัยดีครับ