เงียบสงบมาหลายวันแล้ว จากที่เคยมีลูกค้าวุ่นวาย แล้วเริ่มบางตาลง แล้วอยู่ๆก็เหมือนโดนปิดสวิทช์ ลูกค้าอันตรธานหายไปหมด
มันมีผลให้เกิดความคิดสับสน เฝ้าแต่ถามตัวเองมันเกิดอะไรขึ้น คิดไปต่างๆนาๆ ว่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ล้วนคิดแต่เรื่องไม่ดี เรื่องที่ทำให้ทุกข์ใจมากขึ้น
ถนนที่มุ่งเข้าร้านดูว่างเปล่า ไม่มีวี่แววผู้คนที่แค่จะเดินทางผ่านมาให้พอได้หวังบ้าง
แต่ละวัน ได้ยินแต่เพื่อนฝูง คนรู้จักจากที่ต่างๆ บ่นถึงสถานการณ์ที่ย่ำแย่ ดิ้นรนหากินแทบไม่พอกิน ให้ใจยิ่งหดหู่หนักขึ้น
ตาแก่บ้านนอกอย่างผมคงไม่มีปัญญาไปเข้าใจ หรือไปรับรู้ว่า เพราะเหตุผลอะไร เพราะปัญญาที่มีเพียงน้อยนิดถูกใช้เพื่อไม่ให้ครอบครัวและตัวเองอดตายไปจนหมดแล้ว
ผมได้ยินข่าวว่าคนที่รู้จักบางคนขายมันที่ปลูกไม่ได้เพราะไม่มีคนรับซื้อในวันเดียวกันกับที่หลายคนบ่นว่า 3G ใช้ไม่ได้ทั้งที่อุตส่าห์ซื้อ iPhone 4S มาใหม่
ผมได้ยินข่าวจากคนที่รู้จักบางคนว่าคนวิ่งรถรับจ้างต่อไปไม่ไหว เพราะน้ำมันแพง อะไหล่แพง ในวันเดียวกับที่มีคนบ่นว่า มีเงินก็ซื้อรถไม่ได้ ผลิตไม่ทัน อุตส่าห์ตั้งใจจะซื้อไฮบริด
ผมได้ยินข่าวคนที่รู้จักบางคนอยู่ในพื้นที่ประสบภัยแล้ง 13 จังหวัด ไม่มีโอกาสปลูกพืช ในวันเดียวกันกับที่คนกรุงร่ำร้องให้ปล่อยน้ำทิ้งจากเขื่อน เพราะกลัวน้ำท่วมซ้ำ
ผมได้ยินข่าวคนที่รู้จักบางคนไม่มีคนจ้างงาน ไม่มีจะกิน ในวันเดียวกันกับคนในโซเชียลร่ำร้องต้องการเงินเดือนหมื่นห้า
…
ถ้าสังคมไทยยังมองดูแต่ตัวเอง ไม่เคยเหลียวแลคนที่ปลูกข้าว ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ ขุดดิน ทำงานกลางแดดแทนผู้มีการศึกษาทั้งหลาย ตาแก่อย่างผมคงได้แต่ตั้งคำถามว่า
“หนังหน้าอย่างพวกคุณมีปัญญามาตากแดดดำนา ขนดิน แบกหามอย่างพวกผมจริงๆน่ะหรือ?”